สื่อในประเทศ เกาหลีใต้ รายงานว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวคนไทยที่แอบลักลอบขน ยาไอซ์ มูลค่า 300 ล้านบาทเข้าประเทศ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม สำนักข่าว ยอนฮัป รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในประเทศเกาหลีใต้ได้เข้าจับกุม ชายไทยวัย 32 ปีแอบลักลอบขน เมทแอมเฟตามีนหนัก 4 กิโลกรัม เป็นจำนวน 134,000 เม็ด คิดเป็นมูลค่าราวๆ 363 ล้านบาท
โดยอัยการในประเทศเกาหลีใต้ระบุว่าผู้ต้องหาถูกจับกุมหลังถูกพบว่าได้ซุกซ่อนยาเสพติดในถุงผลิตภัณฑ์โปรตีนเสริมอาหาร
เมื่อช่วงวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งชายคนดังกล่าวยังได้ยอมรับสารภาพอีกว่าผู้ว่าจ้างได้เสนอเงินราวๆ 2 แสนบาทในการขนยาเสพติดในครั้งนี้ จากสถิติในประเทศเกาหลีใต้พบว่า ในช่วงปี 2547-2562 เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ยึดยาไอซ์ได้เฉลี่ยปีละ 33 กิโลกรัม โดยยาที่ยึดได้จากคนไทย คิดเป็นร้อยละ 12 ของทั้งปี
นอกจากนี้สำนักงานอัยการยังจับกุมและต้องข้อหาชาวไทยอีก 5 คน และชาวเกาหลีใต้ 2 คนในข้อหาลักลอบขนสารต้องห้ามหลากหลายประเภท รวมถึง ยาไอซ์ 170 กรัม, ยาบ้า 1,576 เม็ด, ยาเค 97 กรัม, ยาอี 55 เม็ด และยาแอลเอสดี 190 ชิ้น เข้าสู่เกาหลีใต้ผ่านการส่งพัสดุจากต่างประเทศ ในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีก่อนจนถึงพฤษภาคมปีนี้
ทางการ เปรู ปรับเพิ่ม ยอดตายโควิด เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า ทำให้ยอดตายเพิ่มขึ้นอยู่ที่มากกว่า 180,000 ราย มากกว่าเพื่อนบ้านหลายเท่าตัว
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า นาง ไวโอเลตา เบอร์มูเดซ นายกรัฐมนตรีของประเทศเปรูออกมาเปิดเผยว่าทางการได้สั่งปรับ ยอดตายจากโรคโควิดในประเทศเปรู เพิ่มขึ้นอยู่มากกว่า 180,000 ราย เพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าจากตัวเดิมที่อยู่ที่ 69,342 ราย
อย่างไรก็ตามยอดตายโควิดใหม่นี้เป็นตัวเลขประมาณการ โดยอ้างอิงจากยอดผู้เสียชีวิตในปีก่อนหน้านี้
ด้านประธานสมาคมการแพทย์เปรูได้ออกมาเปิดเผยว่าเขาไม่รู้สึกแปลกใจกับตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศเปรูถือเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิดในทวีปอเมริกามากที่สุดประเทศหนึ่ง
โดยประธานสมาคมการแพทย์ระบุว่า รัฐบาลไม่ได้สนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ ทั้ง ถังอ๊อกซิเจน หรือ เตียงผู้ป่วย รวมถึงทางการยังหยุดฉีดวัคซีนต้านโควิดกับเจ้าหน้าที่แพทย์แถวหน้าชั่วคราวอีกด้วย
จากการปรับยอดผู้เสียชีวิตในครั้งนี้ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 180,764 มากกว่าเพื่อนบ้านโคลอมเบียที่มียอดผู้เสียชีวิต 88,282 ศพ และโบลิเวียที่มียอดผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14,000 ศพ
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศเปลี่ยนชื่อ โควิดกลายพันธ์ุ หรือโควิดสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อป้องกันการเหยียดเชื้อชาติและสร้างความเกลียดชัง
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน สำนักข่าว อัลจาซีร่า รายงานว่า องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ประกาศว่าทางองค์การจะเปลี่ยนชื่อโควิดสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อป้องกันการเหยียดเชื้อชาติ และสร้างความเกลียดชัง ซึ่ง WHO จะใช้ตัวอักษรกรีกแทนที่ประเทศที่ถูกพบ
ญี่ปุ่น อนุมัติ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ กับ ปชช. อายุ 12-15 ปี
ญี่ปุ่น เป็นอีกชาติที่อนุมัติการ ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้กับเยาวชนในช่วงอายุ 12-15 ปี อย่างไรก็ตามประชาชนยังต้องรอ เนื่องจากการฉีดวัคซีนล่าช้า เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม สำนักข่าว เกียวโด รายงานว่า ทางการญี่ปุ่นอนุมัติให้กับประชาชนที่มีอายุ 12-15 ปี ถึงเป็นวัคซีนชนิดแรกที่พร้อมใช้กับกลุ่มประชาชนดังกล่าว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ประเทศญี่ปุ่นอนุมัติการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนอายุ 16 ปี หรือ มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ประชาชนในช่วงอายุ 12-15 ปี จะยังไม่ได้รับวัคซีนทันที เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นยังคงอยู่ในช่วงการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มคนชรา และ เจ้าหน้าที่แพทย์แนวหน้า
โดยญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนที่ช้า ซึ่งจากข้อมูลระบุว่าประเทศญี่ปุ่นฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพียงแค่ร้อยละ 6 จากประชากรจำนวน 126 ล้านคน
ซึ่งนายโยชิฮิเดะ สุงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นให้คำมั่นสัญญาว่าจะเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในกลุ่มคนชรา ก่อนการแข่งขันมหกรรมโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงโตเกียว ที่มีกำหนดการจะเริ่มขึ้นช่วงเดือนปลายเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้
ก่อนหน้านี้สหภาพยุโรป (EU) และ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้อนุมัติการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในช่วงอายุ 12-15 ปีแล้ว ซึ่งการฉีดวัคซีนในกลุ่มเยาวชนอายุ 12-15 ปี จะไม่แตกต่างกับกลุ่มผู้ใหญ่ ที่จะต้องเว้นระยะการฉีดระหว่างเข็มแรกกับเข็มที่สอง ให้ห่างกันอย่างน้อย 3 สัปดาห์
นอกจากนี้จากผลการทดลองกับอาสาสมัคร 2,260 คนพบว่า เด็กที่ได้รับวัคซีนทั้งหมดไม่แสดงอาการป่วยโควิดแต่อย่างใด
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง