ย้ำอีกครั้งหนึ่งกับการที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้เปิดให้กลุ่ม LGBTQ+ สามารถกู้ร่วมกันได้แล้วในทุกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ (30 มิ.ย. 2565) ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลประเด็นเรื่อง ธอส. อนุมัติให้ลูกค้ากลุ่ม LGBTQ+ สามารถกู้ร่วมกันได้ ครอบคลุมทุกสินเชื่อ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ กระทรวงการคลัง พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมทางเพศในสังคมไทย
สนับสนุนให้กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายยิ่งขึ้นตามพันธกิจ u201c ทำให้คนไทยมีบ้าน u201d เพื่อความสุข ความมั่นคง และคุณภาพชีวิตที่ดีของตนเองและคนในครอบครัว
ล่าสุด ธอส. จึงได้ปรับปรุงเงื่อนไขในการให้สินเชื่อของธนาคาร โดยกำหนดให้กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ สามารถกู้ร่วมกันได้แล้วตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์สินเชื่อ เช่นเดียวกับกรณีกู้ร่วมกับคู่สมรส พี่ – น้อง และบิดา – มารดา
ขณะเดียวกันยังได้เพิ่มทางเลือกในด้านสินเชื่อ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ สินเชื่อบ้าน MY PRIDE อัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกเท่ากับ MRR-2.40% ต่อปี ปัจจุบันเท่ากับ 3.75% ต่อปี (คิดจากอัตราดอกเบี้ย MRR ตามประกาศธนาคาร ปัจจุบัน MRR เท่ากับ 6.150% ต่อปี) ปีที่ 4 จนถึงตลอดอายุสัญญาเงินกู้อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด ให้กู้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้าที่มีสวัสดิการเงินกู้กับธนาคารเพื่อซื้อบ้าน ห้องชุด (คอนโดมิเนียม) หรือที่ดินเปล่าที่เป็นทรัพย์มือ 2 ของธนาคาร ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี ยื่นคำขอกู้และทำนิติกรรมได้แล้วถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2565
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ กระทรวงการคลัง สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.ghbank.co.th, Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือโทร 0-2645-9000 (Call Center)
โดย ธ.ก.ส. จะนำดอกเบี้ยที่คืนให้มาลดภาระหนี้ด้วยการตัดชำระต้นเงิน และหลังจากตัดชำระหนี้แล้ว มีเงินคงเหลือจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากของเกษตรกรในวันถัดไป ซึ่งในกรณีลูกค้าเกษตรกรและบุคคล จะได้รับคืนดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราร้อยละ 20 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง
กรณีกลุ่มบุคคล กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ นิติบุคคล และกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง จะได้รับคืนดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราร้อยละ 10 ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง ไม่จำกัดวงเงินที่จะคืน
ระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 – 31 มีนาคม 2564
บขส. ประกาศทำการตรึง ค่าโดยสาร รถบัส เป็นเวลา 3 เดือน
บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กระทรวงคมนาคม ประกาศถึงการตรึงอัตรา ค่าโดยสาร รถโดยสารประจำทาง (รถบัส) เป็นระยะเวลา 3 เดือน
(30 มิ.ย. 2565) นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง มีมติให้ปรับเพิ่มอัตรา ค่าโดยสาร รถประจำทาง หมวด 2 (เส้นทางที่มีต้นทางจากกรุงเทพมหานครไปยังต่างจังหวัด) และหมวด 3 (เส้นทางระหว่างจังหวัดที่ไม่มีกรุงเทพมหานครเป็นต้นทางปลายทาง) กิโลเมตรละ 5 สตางค์ เพื่อให้ผู้ประกอบการยังคงให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง มีผลใช้บังคับวันที่ 4 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป
ในส่วน บขส. ยังคงตรึงราคาค่าโดยสารในอัตราเดิม เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพ และเป็นทางเลือกในการเดินทางให้กับประชาชนตามนโยบายของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ปัจจุบัน บขส. เปิดให้บริการเดินรถ ดังนี้
1. เส้นทางภาคเหนือ จำนวน 15 เส้นทาง รวม 40 เที่ยววิ่ง (ไป-กลับ) อาทิ
กรุงเทพ-เชียงใหม่ , กรุงเทพฯ-เชียงราย , กรุงเทพฯ-สุโขทัย-อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย , กรุงเทพฯ-(อุตรดิตถ์) พิษณุโลก , กรุงเทพฯ-แม่สาย , กรุงเทพฯ-หล่มเก่า ,กรุงเทพฯ-คลองลาน , กรุงเทพฯ-เชียงคำ , กรุงเทพฯ-ทุ่งช้าง , กรุงเทพฯ -เขื่อนภูมิพล , กรุงเทพฯ-สารจิตร และกรุงเทพฯ-ป่าแดด-เชียงของ เป็นต้น
2. เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก จำนวน 18 เส้นทาง รวม 52 เที่ยววิ่ง (ไป-กลับ) อาทิ
กรุงเทพฯ-หนองคาย , กรุงเทพฯ-เชียงคาน , กรุงเทพฯ-สุรินทร์ , กรุงเทพฯ-บุรีรัมย์ , กรุงเทพฯ-นครพนม , กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี , กรุงเทพฯ-มุกดาหาร , กรุงเทพฯ-สระบุรี , เอกมัย-แหลมงอบ และจตุจักร-ตราด เป็นต้น
3. เส้นทางภาคใต้ จำนวน 13 เส้นทาง รวม 35 เที่ยววิ่ง (ไป-กลับ) อาทิ
กรุงเทพฯ-ภูเก็ต , กรุงเทพฯ-เกาะสมุย , กรุงเทพฯ-คลองท่อม-กระบี่ , กรุงเทพฯ-สงขลา , กรุงเทพฯ-สุไหงโกลก , กรุงเทพฯ-ปัตตานี-ยะลา , กรุงเทพฯ (หมอชิต2) -หาดใหญ่ , กรุงเทพฯ (หมอชิต2)- สตูล , กรุงเทพฯ(หมอชิต2)-นครศรีฯ-หัวไทร และกรุงเทพฯ (หมอชิต 2)-ตรัง เป็นต้น
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง